ผู้สื่อข่าว CNN พนมมือขออภัยชาวไทย จนถึงไม่มีเจตนารุกล้ำศูนย์เด็กตัวเล็กๆฯ ทำข่าวสารกราดยิงหนองบัวลำภู
ความก้าวหน้ากรณีนักข่าว 2 ราย จากสำนักข่าว CNN เข้าไปรายงานข่าวสารถึงด้านในจุดเกิดเหตุด้านในศูนย์ปรับปรุงเด็กตัวเล็กๆอุทัยสวรรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภูเขา ที่เปิดเผยให้มองเห็นถึงคราบรอยเลือดที่ยังผิดล้างออก รวมทั้งข้าวของเด็กๆที่ยังอยู่ข้างใน จนกระทั่งชมรมผู้รายงานข่าวต่างถิ่นฯ ออกถ้อยแถลงตำหนิ
อ่านข่าวสาร ดราม่า FCCT ออกถ้อยแถลงเงื่อน CNN บุกศูนย์เด็กตัวเล็กๆฯ ทำข่าวสารกราดยิงหนองบัวลำภูเขา
ถัดมา พล.ตำบลอำเภอสุรเชษฐ์ หักหาเรื่อง รองผู้บังคับบัญชาตำรวจ พล.ตำบลตำบลพนัญชัย สดชื่นธรรม รองผบช.ภ 1 ไต่สวนผู้สื่อข่าวรวมทั้งตากล้องสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ข้างหลังชวนตัวมาจาก อพาร์เม้นท์แห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ก่อนเผยออกมาว่า ข้างหลังเกิดเหตุได้สั่งให้ชุดไต่สวนติดตามตัวทั้งคู่ จากการตรวจสอบแล้วก็พบว่าทั้งคู่ยังคงอยู่ในพื้นที่ ซึ่งพักอยู่ที่บังกะโลแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี ข้าราชการก็เลยได้ไปเชื้อเชิญตัวมาในช่วงเวลาเช้า ซื้อความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็จะเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูเขาเพื่อมาปฏิบัติภารกิจรายงานข่าวสาร
ดังนี้จากการตรวจสอบแล้วก็พบว่า นักข่าวรวมทั้งคนถ่ายรูปทั้งคู่ เดินทางเข้าประเทศด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ซึ่งไม่ถูกเป้าประสงค์สำหรับในการเดินทาง ที่ขอวีซ่าท่องเที่ยวจะต้องใช้สำหรับในการท่องเที่ยว ไม่ใช่ประยุกต์ใช้เพื่อการทำงาน ในส่วนนี้นับว่าเป็นข้อผิดพลาดตามพ.ร.บ.การจัดการจัดแจงหลักการทำงานของบุคคลต่างประเทศ อันมีโทษปรับ 5,000 บาท ไม่เกิน 10,000 บาท ด้วยเหตุนั้นทางข้าราชการก็เลยมีความสำคัญที่จะจะต้องยกเลิกเลิกวีซ่าของทั้งคู่ โดยขั้นตอนจากนี้ทั้งคู่จะถูกควบคุมตัว และก็อยู่ในสถานะผู้ต้องหาแม้กระนั้นเป็นความไม่ถูกในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการโดยผิดกฎหมาย
ในส่วนหลักสำคัญที่เข้าไปในศูนย์ดูแลเด็ก ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ในส่วนนี้จะต้องมาไล่เรียงหาข้อพิสูจน์ว่าเข้าไปโดยละเมิด ไหมมีเจตนาหรือเปล่าเช่นไร จากการสืบสวนทั้งคู่ ให้การรับรองว่าในตอนที่เข้าไปนั้น ยังไม่มีการกั้นที่เกิดเหตุ ดังนี้ข้าราชการพยาบาล ข้าราชการ อสม.ประชาชนอยู่ ซึ่งเมื่อมองเห็นราษฎรอยู่ทั้งคู่ก็เลยได้เข้าไป รวมทั้งได้เข้าไปตามห้องต่างๆราวกับคนอื่นเข้าไป โดยใช้เวลา 15 นาที โดยใช้ตอนที่กำลังออกมามีการกันพื้นที่ ทำให้จะต้องปีนป่ายออกมา และก็สื่อได้ถ่ายภาพจังหวะนั้นได้
ทั้งคู่ได้บอกว่า สำหรับในการเข้าไปมีข้าราชการที่สวมเสื้อกั๊กเป็นคนอนุญาตให้เข้าไปได้ ซึ่งก่อนจะเข้าไปได้ถามคำถามว่า can i come in ซึ่งข้าราชการได้ให้เข้ามาได้ก็เลยเข้าไป อย่างไรก็ดีในช่วงเวลาดังที่กล่าวมาข้างต้นไม่มีวงจรปิดถ่ายภาพได้ เนื่องจากว่าเจ้าที่เจ้าทางได้กระทำการถอดกล้องวงจรปิดเพื่อไปไล่เรียงมองการเกิดเหตุก่อนหน้าที่ผ่านมา อย่างไรก็แล้วแต่ในวันนี้จำเป็นจะต้องปฏิบัติงานให้จบสำเร็จ เพื่อจะตอบปัญหาสังคม ตลอดจนตอบปัญหาคำถามประชากรคนประเทศไทย รวมทั้งเครือญาติ ได้ว่าเพราะเหตุไรบุตรหลานเสียชีวิตถึงเข้าไปเอารองเท้ามิได้ แต่ว่าเพราะเหตุไรผู้สื่อข่าวเข้าไปได้ ซึ่งทาง พลตำรวจเอกดำรงอำนาจ คำเลื่องลือประภัสร์ ย้ำให้จัดการต้องการแจ่มชัดและก็ไม่อ้อมค้อม
ในเรื่องเกี่ยวกับการเข้าไปในจุดเกิดเหตุไป ในฐานะผู้สื่อข่าวก็จึงควรอุตสาหะเก็บข้อมูลเพื่อจะรายงานแพร่ภาพออกไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมาดูว่ามีเจตนาหรือเปล่าเจตนา ซึ่งปัจจุบันนี้พวกเรารู้ตัวผู้ที่ชื่อทั้งคู่กล่าวถึงว่าเป็นผู้อนุญาตให้เข้าไปในจุดเกิดเหตุแล้ว อยู่ระหว่างการเชิญตัวมาถาม ส่วนนี้จะต้องปฏิบัติการตามกฏหมาย แม้เจอมีความผิดในข้อบังคับไทยอื่นๆก็ควรต้องต้องโทษตามกฏหมายไทย ก่อนก่อนจะสนับสนุนออกนอกประเทศ
ในช่วงเวลาที่ทางด้าน นางสาวอันทุ่งนา มาร์เกอรีต วัวเรน อายุ 47 ปี คนออสเตรเลีย รวมทั้งนายแดเนียล จอห์น ฮอด์จ อายุ 34 ปี เชื้อชาติอังกฤษ ผู้สื่อข่าวที่เข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ ได้พนมมือขออภัยชาวไทย โดยเฉพาะขออภัยต่อครอบครัวผู้สูญเสีย ที่ความประพฤติของตนได้เพิ่มความเจ็บจากเหตุที่เสียใจในคราวนี้ การันตีว่าไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ขออภัยต่อตำรวจ ที่ได้ก่อความระส่ำระสายแล้วก็อึดอัดใจ